ชนเผ่าอินเดียนแดง ที่มา : http://www.nativeamericans.com, http://www.tolatsga.org
Abenaki แอบนากี - อาบีนากี
ชนเผ่าพื้นเมืองทางเหนือที่แตกสาขาออกมาจาก อัลกอนเควียน ซึ่งใช้ภาษา อัลกอนเควียน-วาคาชาน ชือแอบนากิ เป็นชื่อที่ถูกเรียกโดยพวกฝรั่งเศส แต่ก็อาจเรียกว่า วาบานากิ คำที่หมายถึง ยามเช้าของตะวันออก ซึ่งเป็นความเชื่อของผู้มีชีวิตภายใต้ดวงอาทิตย์ ชาวแอบนากิยังสืบสายกันมาและมีอยู่ในรัฐ เมน, นิวแฮมเชียร์ และเวอร์มอนต์ ตำนานของชนเผ่าบอกว่าพวกเขามาจากทางใต้ฝั่นตะวันตก ไม่สามารถทราบเวลาที่แน่นอนได้
แต่ประมาณช่วงสงครามนองเลือดกับพวกล่าอาณานิคมชาวอังกฤษ เมื่อถอยร่นเข้าไปถึง แคนาดา พวกเขาได้รับการคุ้มครองจาก กองทัพฝรั่งเศส ชาวแบนากิจึงสร้างชุมชนขึ้น ซึ่งชุมชนของพวกเขาล้อมรอบด้วยรั้วไม้ มีการปลูกข้าวโพด ตกปลาและล่าสัตว์เพื่อยังชีพ แอบนากิ เป็นเจ้าของคำเรียกกระโจมทรงกรวยที่คลุมด้วยหนังหรือเสื่อว่า วิกแวม ซึ่งกลายเป็นคำที่ใช้ทั่วไปในภาษาอังกฤษ
ภาพจาก http://personalweb.smcvt.edu/winooskimills/Abenaki/Abenakimain.htm
สอง พี่น้องของชนเผ่า Abenaki ที่ กรีนวิลล์ รัฐเมน เมื่อ ค.ศ. 1934
ชื่อ อาบีนากิ เรียกตัวเองว่า อัลนันบาล ซึ่งหมายถึง คน ชื่อ อาบีนากิ ออกเสียงหลากหลายกันไป เช่น อาบีนาควี แอบนากิ อัลนันบาล บีนากิ อูบีนากิ วาบานากิ วิปปาแนป ซึ่งเพี้ยนมาจาก มอนแท๊กเนียส (อันกอนควิน) ซึ่งหมายความว่า “ผู้คนแห่งอรุณรุ่ง” หรือ “ชาวตะวันออก” มีการคาดว่า อัลกอนควินทางใต้ของ เซนท์ลอวเรนซ์ ได้ปรับเปลี่ยนชื่อเป็น มาฮิกัน ชาวฝรั่งเศสมักพูดถึงหรือเรียก อาบีนากิว่า ลูป (วูฟ) หรือคล้ายๆกัน ซึ่งมีคำเรียกเป็นทางการคือ นาทิโอ ลูโปเร็ม หรือ วูฟเนชั่น (ชนชาติหมาป่า) ชางฝรั่งเศสมักเรียก อาบีนากิทางตะวันตกว่า โซโกกิ ยืมชื่อ อัลกอนควิน มาจากทางใต้ของนิวอิงแลนด์ สำหรับ อาบีนากิ
ชาวอังกฤษ เรียกในการพบกันครั้งแรกว่า ทาราทีน
ซึ่งเรียกรวมทั้ง อาบีนากิและมิคแมค ต่อมา ทาราทีนเป็นคำที่หมายถึงมิคแมคและชนเผ่าอาบีนากิทางเหนือของ รัฐเมน โซโกกิ หรืออาบีนากิทางตะวันตก รู้จักกันในนิวอิงแลนด์ว่า อินเดียนแห่ง เซนท์ฟรานซิส
ชื่อเรียกอื่นๆของอาบีนากิคือ อานากอนเกส (อิโรควิส) , อะควอนนาคิว(ฮูรอน) , บาชาบา, กันนอนกาเกรอนนอน(โมฮ๊อค), โมแอสโซเนส, มาวีชีนุค, นารานกามิคด๊อค, นัทซากานา(คอนาวากา), โอบูเนโก, โอนากันก้า, ออนโนกอนเกส, โอปานานโก,โอวีนากันเกส, และ แสกตวานิลอม (อิโรควิซ)
ภาษา
อาบีนากิ มีภาษาของชนเผ่าคือ อัลกอนควิน ซึ่งแตกต่างจากมิคแมคที่อยู่ทางเหนือของนิวอิงแลนด์ และอัลกอนควินทางใต้ เคยมีการโต้แย้งถึงความแตกต่างของภาษาของอาบีนากิทางตะวันออกและตะวันตกว่า ภาษาของพวกตะวันตกคล้ายกับ เพนนาคุก
กลุ่มของชนเผ่าอาบีนากิ
ยัง มีการแบ่งกลุ่มไปอีกคือ อะมาซีคอนติ, แอนโดรสค๊อกกิ้น, เคนเนเบค, มาลิซี้ด, อูราสทีกูแอค, พาสซามาควอดดี้, พัทซุยเข่ท, พีน๊อบสก็อต, พิกวาเก็ต, โรคามีร่า, โซโกนี, และ วีวีน๊อก ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสมาชิก ของกลุ่มชนเผ่าอาบีนากิ ส่วน มิคแมค และ เพนนาคุก ถูกบันทึกว่า เป็นเผ่าที่แยกออกไป
7 ชนชาติแห่ง แคนาดา
ตัวแทนคณะชนชาติของ แคนาดา 7 ชนชาติ ถูกจัดตั้งขึ้นโดยชนเผ่าที่อาศัยตลอดแม่น้ำ ลอว์เร้นซ์ ในปี ค.ศ. 1750 ประกอบด้วย คอนาวากา(โมฮ็อค), ทะเลสาบแห่ง 2 เทื่อกเขา (อโรควิส และนิปปิสซิ่ง), เซนท์ฟรังซัวร์ (โซโกกิ, เพนนาคุก และอัลกอนควินแห่งนิวอิงแลนด์), บีแคนคัวร์(อาบีนากิตะวันออก) โอสวีกัทชี่ (โอนอนดาก้า และ โอนีด้า), ลอเร็ท(ฮูรอน) และ เซนท์ รีกิส(โมฮ็อค)
ชื่อ เรียกอื่นๆของ ชุนชน อาบีนากิ
อควาดอ๊กต้า, คอบบอสซญีคอนตี, อีบีนีคุก, คีตังฮีนิกกี้, มาสโคม่า, ฒาสชีโรสเคว็ก, เมคาดาคัท, โมโชเคว็น, ฒัสคอนกัส, นีกัสเซท, โอซากรากี, อูวีรากี, พาชารานัค, พอฮันตานัค, พีมาควิด, โพโคพาสซั่ม, ซาบิโน, ซากาดาฮ๊อค, แซทควิน, ซีโกทาโก, โซโวคาทัก, ทาคอนเนท, ยูนีจาวารี, และ วาคูโก
วัฒนธรรม
กล่าวกันว่าชนเผ่าพื้น เมืองอเมริกัน เป็นผู้ครอบครองดินแดนบริเวณ ทางเหนือของนิวอิงแลนด์มากว่า 10,000 ปีแล้ว แต่ไม่มีสิ่งยืนยันว่าชนโบราณนี้เป็นบรรพบุรุษของ อาบีนากิ แต่ก็ไม่มีเหตุผลอื่น อาบีนากิ มีรูปแบบของความเป็นอยู่คล้ายกับ อัลกอนควิน ในทางใต้ของ นิวอิงแลนด์
นับจากที่ชนเผ่าเริ่มทำการเพาะปลูก (ข้าวโพด, ถั่ว และน้ำเต้า) ก็มาตั้งถิ่นฐานกันในบริเวณลุ่มน้ำตามแนวฝั่งตะวันออกของทะเลสาบ แชมเพลน เท่าที่มีการสืบค้นคือมีการปลูกข้าวโพดมากกว่า 250 เอเคอร์ (1 เอเคอร์ = 2 1/2 ไร่) ซึ่งการเพาะปลูกเป็นอาหารเพิ่มเติมจากการล่าสัตว์ ตกปลา และหาอาหารจากป่า การหาอาหารจากปลาและอาหารทะเล ขึ้นอยู่กับถิ่นที่อยู่ ในบริเวณที่ดินไม่สมบูรณ์สำหรับการเพาะปลูก จะมีการใช้ซากปลาเป็นปุ๋ยบำรุงดินด้วย
หลายปีที่ อาบีนากิ ดำรงอยู่ในกลุ่มของครอบครัวที่แบ่งแยกกันออกไป ซึ่งบ้างก็แยกเพราะทางเชื้อสายของพ่อเป็นนักล่าสัตว์ ซึ่งต่างจาก อิโรควิส (ส่วนใหญ่เป็น อัลกอนควินใน นิวอิงแลนด์) อาบีนากิ ที่เป็นเชื้อสายทางพ่อ ในฤดูหนาวและฤดูร้อน กลุ่มจะรวมตัวกันใกล้แหล่งน้ำ อาทิ ริมแม่น้ำ ชายฝั่งทะเล เพื่อเพาะปลูกหรือหาปลา
บางครั้งหมู่บ้านหรือชุมชนเหล่านี้จะสร้างแนวป้องการการโจมตีจากศัตรูด้วย เทียบกับ ชุมชนอิโรควิสแล้ว ชุมชน อาบีนากิส่วนใหญ่เป็นชุมชนเล็กๆ มีไม่เกิน 100 คน เว้นพวกทางตะวันตก อาบีนากิบางกลุ่ม ใช้บ้านที่อาศัยเป็นลักษณะวงรียาวๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทรงโดม หุ้มด้วยเปลือกไม้ หรือหนังสัตว์ ตลอดฤดูกาลที่อบอุ่น ในฤดูหนาว อาบีนากิ จะย้ายจากริมน้ำเข้าไป และแยกเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่อาศัยจะมีรูปทรงที่เป็นกระโจมอย่างเห็นได้ชัดเจน
อาบีนากิ เป็นชนที่มีภาษาและความรู้ทางภูมิศาสตร์ ก่อนที่จะมีการติดต่อกับชาติยุโรป เผ่าอื่นๆมีการปกครองชุนชนแบบธรรมดา เมื่อเกิดโอกาสที่มีการรวมกลุ่มกันเพื่อจุดประสงค์ในการช่วยกับรบก็นำโดยหัว หน้าเผ่า อาบีนากิ มีการดูแลจากส่วนกลางของผู้อาวุโสของชนเผ่า มีการแบ่งระดับชั้น อำนาจของหัวหน้าเผ่าจะมีขอบเขต
และในการตัดสินใจที่สำคัญอย่างเช่น การเลือกระหว่างจะรบหรือสงบศึก มักจะเป็นหัวหน้าในการประชุมของกลุ่มชนเผ่าวัยรุ่น การรวมกลุ่มของชนเผ่าอาบีนากิ ไม่ปรากฎเลยจนกระทั้ง ค.ศ. 1670 ที่รวมกันเพื่อทำสงครามกับ อิโรควิส และอังกฤษ เหตุการณ์นี้ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร
และรายงานทางทหารของฝรั่งเศสได้มีบันทึกไว้ว่า ผู้นำของ อาบีนากิ ไม่สามารถควบคุมหรือสั่งการนักรบของตนได้ในหลายๆทาง ผู้นำจากส่วนกลางก็ดูแลชนเผ่า อาบีนากิได้ดี ในขณะสงคราม ชาวอาบีนากิ ทิ้งถิ่นที่ตั้ง แยกอออกไปเป็นกลุ่มย่อย และไปรวมกันอีกครั้งในถิ่นปลอดภัยที่ห่างไกลจากศัตรู มันเป็นแผนการณ์ที่ทำให้ อิโรควิส
และอังกฤษสับสนและยากจะเอาชนะได้ อาบีนากิ แค่เพียงสลายตัวไป แล้วรวมกันใหม่เพื่อเข้าโจมตี ซึ่งสร้างความฉงนที่ว่า อาบีนากิเป็นชนเผ่าเร่ร่อนหรือ จากที่อาบีนากิมักจะล่าถอยไปแคดานา ในช่วงสงคราม นิวอิงแลนด์เริ่มคิดว่าเป็นคนอินเดียนของแคนาดาหรือไม่
ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ แต่เพียงเพื่อรักษาเขตแดนของตนใน รัฐเมน, นิวแฮมเชียร์และเวอร์มอนต์ โดยไม่มีการชดเชยใดๆ นอกจากพีน๊อบสก็อตและ พาสซามาคว๊อดดี้ ที่ลงนามในข้อตกลงและรักษาดินแดนของตนได้เพียงบางส่วน ที่อื่น อาบีนากิได้ยึดคืนมา แต่ก็ไม่มีการบันทึกจดจำ แม้จะไม่มีการ “ขี่ม้ากลับสู่ดินแดนตะวันพลบ”
แต่ส่วนมากก็สาบสูญไปในเวลาหลายปีผ่านมา ชนเผ่าอาบีนากิ ยังดำรงอยู่ในดินแดนของตนโดย แบ่งกลุ่ม แยกเป็นกลุ่มย่อย ในนิวอิงแลนด์ มีอนุสรณ์ที่โรแมนติกมากมายที่แสดงถึงการเฉลิมฉลองการหายไปอย่างหลอกๆ ซึ่งพวกเขาไม่เคยหายไปจริงๆเลย
ที่มา :: cowboythai.com
0 Comments:
แสดงความคิดเห็น