ความงดงามของวัฒนธรรมประเพณีงานแต่งงานของชาวไทลื้อ ที่ชุมชนบ้านถิ่น อ.เมือง จ. แพร่ สำหรับที่นี่แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป หนุ่มสาวใช้ชีวิตตามวิถีคนเมือง แต่เมื่อถึงเวลามีคู่ครองบรรดาหนุ่มสาวชาวไทลื้อ ก็ยังคงสืบสานประเพณีการแต่งงานแบบดั้งเดิมเอาไว้
"ลื้อ" เป็นกลุ่มชนชาติพันธุ์ที่พูดภาษาตระกูลไท คือ "ไทลื้อ" หรือ "ไตลื้อ" มีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ในเขตสิบสองปันนาสำหรับประเทศไทย ชาวไทลื้อได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานตามหัวเมืองต่างๆในภาคเหนือตอนบน ในจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน และ เชียงใหม่
แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่ลูกหลานชาวไทลื้อก็ยังคงไม่ลืมรากเหง้าและวัฒนธรรมประเพณี ที่บรรพบุรุษได้สืบทอดต่อกันมาช้านาน เมื่อตัดสินใจจะมีคู่ครอง ก็เลือกที่จะจัดงานแต่งตามแบบฉบับของชาวไทลื้อ ผู้ที่มาร่วมงานแต่งต่างก็แต่งตัวตามประเพณี
ผู้หญิงจะสวมเสื้อแขนยาวสีดำ หรือสีน้ำเงิน ที่เรียกว่า "เสื้อปั๊ด" นุ่งผ้าถุง โพกศีรษะด้วยผ้าฝ้ายสีขาวหรือสีชมพู ส่วนผู้ชายใส่เสื้อแขนยาว สวมเสื้อกั๊กปักลวดลาย สวมกางเกงม่อฮ่อมขายาวโพกศีรษะด้วยผ้าสีขาวหรือชมพู และสะพายถุงย่าม
ผู้หญิงจะสวมเสื้อแขนยาวสีดำ หรือสีน้ำเงิน ที่เรียกว่า "เสื้อปั๊ด" นุ่งผ้าถุง โพกศีรษะด้วยผ้าฝ้ายสีขาวหรือสีชมพู ส่วนผู้ชายใส่เสื้อแขนยาว สวมเสื้อกั๊กปักลวดลาย สวมกางเกงม่อฮ่อมขายาวโพกศีรษะด้วยผ้าสีขาวหรือชมพู และสะพายถุงย่าม
ที่เห็นอยู่นี้นับเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดของพิธีแต่งงาน พ่อแม่ของฝ่ายหญิงต้องมาที่บ้านฝ่ายชาย เพื่อบอกกล่าวขอลูกเขยจากพ่อแม่ฝ่ายของชายเสียก่อน สาเหตุที่ขั้นตอนนี้ที่สำคัญที่สุดก็เพราะหากพ่อแม่ฝ่ายชายไม่ยอมยกลูกชายให้ หนุ่มสาวก็ไม่สามารถแต่งงานกันได้นั่นเอง
หลังจากพ่อแม่ฝ่ายชายตอบตกลงก็จะตั้งขบวนแห่เขย โดยมีขบวนช่างฟ้อนและช่างสะล้อซอซึง บรรเลงดนตรีประกอบการร่ายรำแบบไทลื้อ นำขบวนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย พร้อมด้วยญาติมิตร ที่ล้วนแต่งกายด้วยชุดไทลื้อ อย่างงดงามตามประเพณี ไปยังเรือนของเจ้าสาว
และเมื่อมาถึงเรือนเจ้าสาว ผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงจะดักกั้นที่หน้าประตู ซักถามว่ามาทำอะไรกัน มีทองคำ เพชรพลอย มาให้เจ้าสาวหรือเปล่า เปรียบเทียบเหมือนกับการกั้นประตูเงินประตูทองนั่นเอง เมื่อได้คำตอบแล้ว จึงอนุญาตให้เจ้าสาวที่ซ่อนตัวอยู่ออกมาหาเจ้าบ่าวได้ โดยเจ้าบ่าวก็จะถูกพาไปซ่อนไว้เช่นกัน เจ้าสาวก็ต้องตามหาให้เจอเพื่อแสดงถึงความรักแท้ ก่อนจูงมือกันเข้าสู่เรือนหอ
พิธีเริ่มด้วยการกราบพ่อแม่ของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อขอบคุณที่อนุญาตให้ทั้งคู่แต่งงานกัน จากนั้นก็มอบสินสอดให้พ่อแม่ฝ่ายหญิง ประธานในพิธีคล้องมาลัยและสวมมงคลให้บ่าวสาว จากนั้นเป็นพิธีบายศรีสู่ขวัญ หรือตามภาษาไทลื้อเรียกว่าพิธี "สู่ข้าวเอาขวัญ" โดยผู้ทำพิธีก็จะบอกกล่าวบรรพบุรุษขอให้คุ้มครองให้บ่าวสาวครองเรือนอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข